คำถามสุดฮอตในยุคดิจิตอลคงหนีไม่พ้นคำว่า “Cryptocurrency” ว่ามันคืออะไรกันแน่ ทำไมเขาถึงพูดถึงกันจัง บิตคอยคืออะไร เงินดิจอตอลหน้าต้ามันเป็นยังไง ยิ่งได้ยินก็ยิ่งปวดหัว วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจและอธิบายความหมายของคำว่า “Cryptocurrency” ว่าแท้ที่จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่ในชิวิตประจำวันของเราทุกคนคงรู้จักกับ “เงิน” มันเอาไว้ซื้อข้าวกิน อยากกินอะไรเราก็ใช้เงินซื้อ นอกจากซื้อข้าวกินแล้ว เงินใช้ซื้อได้เกือบทุกอย่าง เรียกได้ว่ามันเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน แต่ละประเทศก็จะมีสกุลเงินเป็นของตัวเองซึ่งดูแลและควบคุมโดยรัฐบาลของประเทศนั้นๆ เช่น ที่บ้านเราใช้เงินบาท ซื้อขายแลกเปลี่ยนในประเทศและชำระหนี้ได้ตามกฏหมายบ้านเรา ประเทศญี่ปุ่นใช้เงินเยน ประเทศจีนใช้เงินหยวน เป็นต้น
ทีนี้ในโลกดิจิตอลเขาก็มีการคิดค้นเงินขึ้นมาเหมือนกัน เป้าหมายก็คือเอาไว้ใช้แลกเปลี่ยนซื้อขายเหมือนเงินจริงๆเลย แต่มันอยู่บนโลกดิจิตอล ถูกออกแบบไม่ให้ศูนย์กลาง ไม่มีใครสามารถควบคุมแทรกแซงได้ ถ้ามีคนใดคนหนึ่งคิดจะโกง คนที่อยู่ในระบบจะทราบทันที เงินที่ปลอมมาก็ใช้งานไม่ได้ เพราะเงินที่จะแลกเปลี่ยนกันได้ต้องได้รับการยืนยันทรานเซคชัน ถ้ามีข้อมูลแม้แต่เล็กน้อยที่ผิดเพี้ยนไปคอมพิวเตอร์จะตรวจสอบได้ เงินที่แฮคเกอร์คิดจะแฮคก็ไม่มีค่าทันที
เงินดิจิตอลนั้นไม่มีพรมแดนเพราะมันอยู่บนโลกติจิตอล จะส่งหาใครที่อยู่ในระบบก็ทำได้ และใช้เวลาน้อยมากๆ จึงมีคนคาดการณ์กันว่า เงินดิจิตอลนี่แหละจะกลายเป็นเงินในอนาคตที่ใช้งานในโลกของเรา เงินสกุลแรกที่ถูกคิดค้นขึ้นมาคือบิตคอย หลังจากนั้นก็มีเงินสกุลใหม่ๆเกิดขึ้นมาตามหลัง เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและเพียงพอต่อความต้องการ ถ้ามีคนต้องการเงินสกุลนั้นเยอะๆ มูลค่าของเงินสกุลนั้นก็จะเพิ่มขึ้นเรียกได้ว่ามูลค่าของ Crypto Currency จะขึ้นอยู่กับความต้องการอย่างแท้จริง (demand-supply) ซัพพลายที่มีอยู่ในสกุลนั้นซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด โดยถูกกำหนดตั้งแต่ตอนเริ่มต้นและการเพิ่มค่าความยากในการหาสกุลเงินดิจิตอล นั้นๆ (difficulty) ยิ่งจำนวนสกุลเงินดิจิตอล มีมากขึ้นในระบบ ค่าความยากในการหาก็จะมีมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์กันว่าสกุลเงินดิจิตอลนั้นจะเป็นสกุลเงินในอนาคต อย่างไรก็ตามการสร้างขึ้นมาของสกุลเงินดิจิตอล ทำให้ประเทศมหาอำนาจเฝ้าจับตาเพราะมันอาจทำให้เงินกระดาษหมดมูลค่าไป