เว็บไซต์ ทางรอดธุรกิจ จากโควิด 19

เว็บไซต์ ทางรอดธุรกิจ จะรอดได้อย่างไรในช่วงวิกฤติแบบนี้ สิ่งหนึ่งที่ธุรกิจต้องทำคือการมีตัวตนบนโลกออนไลน์ มีสื่อโซเชียล และมีเว็บไซต์

ทำไม เว็บไซต์ คือ ทางรอดธุรกิจ ? ในห้วงเวลาแห่งความยากลำบากในตอนนี้ที่สถานการณ์โรคโควิด 19 หรือ COVID-19 กำลังระบาดไปทั่วโลก บ้านเราเองถึงขนาดต้องประกาศเคอร์ฟิวเพื่อลดการเดินทางของประชาชน ถ้านับเวลาที่โรคระบาดชนิดใหม่นี้อุบัติขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี ถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปเดือนเมษายน จะสี่เดือนอยู่แล้ว แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมก็ยังคงเพิ่มขึ้นทุกวันๆ

พนักงานหลายๆบริษัทเริ่มทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home
Work From Home

หลายๆบริษัทมีมาตรการให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านได้ อย่างเช่นผมตอนนี้แหละ ทำงานที่บ้านหรือ Work From Home มาได้เกือบเดือนแล้ว ไม่ได้ออกไปไหน เพื่อลดความเสี่ยงเป็นการช่วยคุณหมอได้อีกทางนึง เมื่อคนเราต้องอยู่บ้านออกไปไหนไม่ได้ ก็เริ่มมีกิจกรรม หาอะไรทำที่บ้าน สังเกตจากโลกโซเชียลเริ่มมีนักร้อง นักเต้น เซฟกระทะเหล็ก รวมไปถึงช่างตัดผมก็เริ่มมา ก็เป็นสีสันในโลกออนไลน์ที่เพื่อนๆแชร์มา ดูๆไปก็พอจะคลายเครียดได้เหมือนกัน

แต่คนที่ขำไม่ออกก็คือเหล่าบรรดาธุรกิจต่างๆ เช่น ห้างร้าน ร้านค้า ที่กระทบหนักๆเห็นจะเป็นการท่องเที่ยว บริษัทสายการบินบางแห่งก็เริ่มมีมาตรการลดจำนวนพนักงานเพื่อให้ตัวเองอยู่ได้ หลายๆที่ปรับตัวไม่ได้เริ่มทยอยเจ๊งไปตามๆกัน บางที่ก็มีไอเดีย สามารถปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดไปได้ อันนี้ก็ดีไป

อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ฝ่าวิกฤติโควิดไปด้วยกัน
Stay Home

สิ่งที่ผมสังเกตุอย่างหนึ่งคือเริ่มมีเจ้าของธุรกิจหลายแห่ง เพิ่งจะเริ่มมองเห็นความสำคัญของเว็บไซต์ เริ่มเห็นว่า เว็บไซต์ ทางรอดธุรกิจ ที่จะผ่านช่วงนี้ไปได้ต้องมีช่องทางออนไลน์ เพราะเป็นช่องทางที่ลูกค้าจะมองเห็นเราไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ขอแค่มีอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ซึ่งตอนนี้สิ่งเหล่านี้ก็ต้องบอกว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานของเราไปแล้ว
ไม่ว่าคุณจะมีเว็บไซต์ขายของ หรือธุรกิจแบบไหนก็แล้วแต่ ในช่วงเวลาแบบนี้สิ่งที่ลูกค้าสามารถมองเห็นคุณได้ก็คือในโลกออนไลน์ เพราะเขาออกไปไหนไม่ได้นั่นเอง
ใช่อยู่ นอกจากเว็บไซต์เราก็มีช่องทางโซเชียลอื่นๆเช่น Facebook , Line , Instagram , YouTube อันนี้นับเฉพาะที่บ้านเราใช้งานกันเยอะๆ เพราะยังมีสื่อโซเชียลอีกหลายเจ้าที่ไม่ได้กล่าวถึง แต่สังเกตุไหม ถ้าเราใช้สื่อโซเชียลพวกนี้ในการทำการตลาดให้กับธุรกิจของเรา จะต้องมีค่าใช้จ่ายที่แพงพอสมควร ไหนจะค่ายิงแอด เมื่อยิงไปแล้วก็อยู่ได้ไม่นาน คนก็ลืม เป็นต้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราควรจะทำคือ มีเว็บเป็นฐานทัพหลัก แล้วใช้สื่อต่างๆมาเป็นทัพเสริม

เว็บไซต์ ทางรอดธุรกิจ ในยุคนี้ ธุรกิจใหญ่น้อยควรจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง
เว็บไซต์ ทางรอดธุรกิจ

ช่วงนี้ผมจึงเห็นมีคนเริ่มสนใจสร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพื่อที่จะทำให้ธุรกิจของเรา ไม่ว่าจะขนาดเล็ก หรือ ขนาดใหญ่ มีช่องทางที่น่าเชื่อถือ เพื่อใช้ติดต่อกับลูกค้าของเรา เว็บไซต์นั้นเป็นการลงทุนที่ต้องบอกว่าถูกมากๆ เมื่อเทียบกับการลงทุนกับโซเชียลมีเดียอื่นๆ แถมเรายังสามารถเพิ่มความสามารถได้เองแบบไม่จำกัด เช่น จะทำระบบซื้อขาย จ่ายเงินทางหน้าเว็บเราเลยก็ได้ (อันนี้สำหรับคนที่เขียนโปรแกรมเป็นนะ สำหรับคนที่เขียนไม่เป็นเราก็สามารถหาจ้างคนมาช่วยได้) สำหรับคนที่มือใหม่ เพิ่งจะเข้ามาวงการเว็บ หรือ เริ่มสนใจที่จะทำเว็บไซต์สำหรับธุรกิจของตนเอง ก็ไม่ต้องกังวล เพราะทุกวันนี้โลกเราไปไกล มีโปรแกรมสร้างเว็บไซต์กึ่งสำเร็จรูปมาให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลายมากอย่างเช่น WordPress ที่บล็อกของผมก็ตั้งใจว่าจะมีบทความช่วยสอนให้เราทำเว็บเป็นแบบฟรีๆ


เมื่อเรามีเว็บไซต์ มีช่องทางสื่อออนไลน์ที่ผู้คนสามารถเข้าถึงและมองเห็นเรา เชื่อว่าธุรกิจของเราจะสามารถรอดได้ ผมเห็นร้านข้าวหลายๆร้าน เริ่มมีแฟนเพจ มีไลน์ มีเว็บไซต์ ให้คนสามารถสั่งมาทางออนไลน์ แล้วร้านค้านั้นก็ใช้พนักงานเสริฟนี่แหละเป็นผู้ออกไปส่ง จากร้านค้าเล็กๆ ธรรมดาๆ กลายเป็นร้านอาหารตามสั่งแบบเดลิเวอรี่ซะงั้น เจ้าของร้านก็อยู่รอดได้เพราะมีเงินหมุน พนักงานเสริฟก็ไม่ต้องตกงาน เพราะเปลี่ยนหน้าที่ไปเป็นพนักงานส่ง อะไรแบบนี้เป็นต้น

เพราะฉะนั้นถ้าจะสรุปแบบสั้นๆก็คือ ทางรอดของธุรกิจเราในช่วงเวลาแบบนี้ หรือ ในอนาคต เราควรจะเริ่มมีช่องทางการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าของเราผ่านทางออนไลน์ได้แล้ว นอกจากสื่อโซเชียลต่างๆ สิ่งที่เราแนะนำเลยก็คือ ลงทุนสร้างเว็บไซต์โลด มันไม่ได้ใช้เวลานาน และเงินเยอะถึงขนาดนั้น หลักพัน หลักร้อยก็สามารถทำได้แล้ว เริ่มก่อน รอดก่อน ก็ด้วยประการฉะนี้ . . .

สำหรับเจ้าของธุรกิจที่กำลังจะสร้างเว็บใหม่ หรือ มีเว็บอยู่แล้วแต่ว่าขาดคนคอยให้คำปรึกษาหรือแนะนำ ไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้าง อยากจะได้โค้ชสักคนไปค่อยไกด์ให้ ผมก็สามารถช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อยแหละ สามารถที่จะฝากอีเมลหรือช่องทางการติดต่อไปที่กล่องแสดงความคิดเห็นด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ แล้วผมจะติดต่อกลับไปเพื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์และธุรกิจของท่านอีกที หวังว่าบทความนี้จีมีประโยชน์กับทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่าน . . .