ใครที่เป็นสายทำเว็บคงจะติดตามข่าวเหมือนๆกัน ตั้งแต่ Google Chrome 68 จะเริ่มกาหัวเว็บ HTTP เป็น “Not secure” ทั้งหมด เป็นการบอกว่าเว็บที่เป็น HTTP ไม่ปลอดภัย และแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ทราบว่าข้อมูลที่รับส่งผ่านอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์นั้นๆไม่ถูกเข้ารหัส นั่นแสดงให้เห็นว่า Google นั้นเอาจริงเอาจัง ผลักดันให้เว็บไซต์ใช้ HTTPS
กูเกิลเผยสถิติว่าหลังประกาศเดินหน้า HTTPS เมื่อสองปีก่อน ทำให้ทราฟฟิกที่เป็น HTTPS มีสัดส่วนสูงขึ้นมาก
- Chrome บน Android เดิมมีทราฟฟิก HTTPS เป็นสัดส่วน 42% ตอนนี้เพิ่มเป็น 76%
- Chrome OS เดิมมีทราฟฟิก HTTPS เป็นสัดส่วน 67% ตอนนี้เพิ่มเป็น 85%
- เว็บไซต์ยอดนิยม Top 100 เดิมทีใช้ HTTPS เป็นดีฟอลต์ 37% ตอนนี้เพิ่มเป็น 83%
ที่มา Google
จากสถานการณ์ที่ Google ให้ความสำคัญกับ HTTPS ขนาดนี้ เราในฐานะคนทำเว็บคงเดาได้ไม่ยากว่า HTTPS นอกจากจะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้คนที่เข้าเว็บเราแล้ว แน่นอนว่ามันจะส่งผลต่ออันดับผลการค้นหาแน่นอน คนทำเว็บและคนที่ทำ SEO ต้องขยับมาใช้ HTTPS กันแล้วหละ
SSL หรือ HTTPS นั้นมีให้บริการทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน ของผมเองก็ลองทั้งแบบใช้ฟรีและเสียเงิน แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงการเปลี่ยนเว็บไซต์ของเราจาก HTTP ธรรมดาๆ ไปเป็น HTTPS แบบฟรีๆด้วยบริการจาก Cloudflare
ผมจะพยายามเขียนให้ง่ายๆและกระชับมากที่สุด ไม่ลงลึกในรายละเอียดละกัน เอาเป็นว่าไม่ขอพูดลงลึกขนาดที่ว่า HTTPS ทำงานยังไง SSL คืออะไร เดี๋ยวจะยาวยืด เราไปเริ่มลงมือทำโลด
สต็ปคร่าวๆที่เราจะต้องทำ แบ่งเป็นหัวข้อใหญ่ๆดังนี้
- สมัคร Cloudflare
- เพิ่มเว็บไซต์ที่ต้องการเปลี่ยนเป็น HTTPS ใน Cloudflare
- อัพเดท DNS ของโดเมนเราให้ชี้มาที่ Service ของ Cloudflare
- ตรวจสอบสถานะ DNS ว่าพร้อมใช้งานหรือยัง
- ใช้งาน HTTPS ได้แล้วจ้า
1. สมัครสมาชิก Cloudflare
ไปที่หน้าเว็บไซต์ Cloudflare.com แล้วทำการสมัครสมาชิกให้เรียบร้อย ขั้นตอนการสมัครผมขออนุญาติข้ามไปเลยละกันเนาะ เพราะคิดว่าคงจะไม่ยาก และเพื่อความกระชับของบทความเรา
2. เพิ่มเว็บไซต์ที่ต้องการเปลี่ยนเป็น HTTPS
หลังจากที่เราสมัครสมาชิก Cloudflare เรียบร้อยแล้ว ทำการเพิ่มเว็บไซต์ของเราเข้าไป (ต้องเป็นโดเมนที่เราเป็นเจ้าของ สามารถจัดการ แก้ไข และอัพเดท DNS ได้นะ)
ใส่ชื่อโดเมนของเรา แล้วก็ทำการกด Add site ได้เลย
หน้านี้ก็ทำการคลิก Next ไปได้เลย
เลือกแพลนแรกเลยครับ คือ FREE Plan จะได้ไม่ต้องเสียเงิน ถึงฟีเจอร์จะน้อยกว่าแบบอื่นแต่ก็เพียงพอสำหรับเว็บไซต์ของเรา พอเลือกเสร็จแล้วก็กด Confirm Plan โลด (เราสามารถอัพเกรดที่หลังได้ถ้าอยากได้ฟีเจอร์เพิ่ม แต่ก็ต้องจ่ายตามแพลนที่เลือกใหม่นะ)
ตรวจสอบการตั้งค่า DNS ใหม่ที่เราจะใช้งานบน Cloudflare เราจะชี้ทราฟฟิคให้วิ่งผ่าน Cloudflare ทั้งหมด เช่น ftp ยังจำเป็นต้องเชื่อมต่อกลับไปที่ไอทีเดิม สังเกตที่คอลัม Name ถ้าเป็นเครื่องหมายตกใจสีส้มๆ แสดงว่าเราไม่ได้ตั้งค่าให้วิ่งผ่าน Cloudflare
ในที่นี้ให้ดูที่แถว www ไม่ขึ้นเครื่องหมายตกใจ แสดงว่าเรากำลังจะตั้งค่าให้วิ่งมาที่ Cloudflare แบบ https ถ้าต้องการเปลี่ยนให้กดที่คอลัม Status สถานะก็จะสลับกัน หลังจากที่เราตั้งค่าแล้วให้กด Continue เพื่อไปต่อได้เลย
พอเรากด Continue แล้ว Couldflare ก็จะแสดงรายละเอียดของ NameServer ตัวใหม่มาให้เรา ตรงนี้แหละสำคัญมากๆ ให้เราทำการ Copy NameServer ทั้งสองเอาไว้ เพื่อจะไปอัพเดทโดเมนของเราให้ชี้มาที่ NS ตัวใหม่นี้
3.อัพเดท DNS ของโดเมนเราให้ชี้มาที่ Service ของ Cloudflare
ไปที่ผู้บริการที่เราจดโดเมนเอาไว้ อันนี้ใครจดโดเมนกับเว็บไหนก็ไปจัดการที่นั่นได้เลยนะครับ ให้ทำการแก้ไข Name Server ของโดเมนเรา ข้อนี้แต่ละคนจะทำไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการโดเมนของเรานะครับ ถ้ายังงงๆหรือไม่เข้าใจ สามารถสอบถามผมเข้ามาได้
4.ตรวจสอบสถานะ DNS ว่าพร้อมใช้งานหรือยัง
กลับที่ที่เว็บ Cloudflare ของเรา เพื่อเช็คดูว่า DNS ที่เรากดอัพเดทไปในข้อก่อนหน้านี้มันอัพเดทเสร็จหรือยัง ตรงนี้ถ้าใครยังขึ้นว่า Pending NameServer Update อยู่ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะกว่าที่ DNS ที่เรากดอัพเดทในข้อที่ 3 ต้องใช้เวลาอัพเดท 2 – 24 ชั่วโมง นั่งรอนอนรอไปก่อน จนกว่าจะขึ้นสถานะ Active ครับ
แต่ถ้าใครใจร้อน และมั่นใจแล้วว่า DNS เรากดอัพเดทแล้ว ให้ลองกดเข้าไปแล้ว Recheck NameServer ดูก็ได้
ถ้าขึ้นแบบนี้ก็แสดงว่า Active พร้อมใช้งานแล้วหละครับ อันนี้ผมลองกด Recheck หลังจากที่กด Update DNS ไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น จะไวหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการโดเมนของเราครับ
5.ใช้งาน HTTPS ได้แล้วจ้า
เพียงเท่านี้เว็บไซต์ของเราก็พร้อมใช้งาน HTTPS ได้แล้วจร้า แจ่มแมวมากๆ ถ้าติดตรงไหนก็สามารถกดคอมเม้นถามผมเข้ามาได้เลยนะครับ รับรองว่าจะมาตอบทุกคอมเม้น เพื่อไขข้อกระจ่างให้เราอย่างแน่นอน