รีวิวงานแต่ง ตอนที่ 4 – พิมพ์การ์ดเอง

ตอนแรกๆก็คุยกันว่าเราจะทำการ์ดกันเองหรือว่าจะจ้างเขาพิมพ์ดี ลองคำนวณราคาดูคร่าวๆบวกกับความที่เราอยากลองทำเอง ก็เลยตัดสินใจสั่งซื้อเครื่องพิมพ์มา มาดูกันครับว่าการตัดสินใจพิมพ์การ์ดแต่งงานเอง ผลงานจะออกมาเป็นยังๆง

พิมพ์การ์ดเองหรือจ้างพิมพ์ดี

หลังจากที่ได้แบบการ์ดเรียบร้อยแล้วก็มาถึงขั้นตอนที่ว่าจะสั่งให้ร้านพิมพ์การ์ดให้หรือว่าเราจะพิมพ์เองดี ที่มีคำถามนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าเพิ่งรู้เหมือนกันว่าการ์ดมันจะต้องแบ่งออกเป็นฝั่งเจ้าบ่าวเจ้าสาว รายละเอียดข้างในนั้นจะต่างกันซึ่งหมายความว่าเราจะต้องให้ร้านพิมพ์สองแบบ ซึ่งจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาอีก แล้วก็เรื่องที่สองคือเรื่องของจำนวนการ์ดที่เราจะพิมพ์ ตอนแรกคำนวณจำนวนการ์ดที่จะพิมพ์แค่สองสามร้อย แล้วถ้าไล่ไปไล่มาจำนวนแขกเราเพิ่มขึ้นมาหละ ก็ต้องสั่งให้ร้านพิมพ์อีก ก็ต้องจ่ายค่าพิมพ์ต่อแผ่นเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นไปอีก และข้อสุดท้ายคือเรื่องสีเรื่องรายละเอียด ถ้าหากว่าเราต้องการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลานาน กว่าจะแก้ กว่าจะส่งไปให้ร้าน หรือไม่ถ้าสีไม่ตรงกับความต้องการเราอีก สารพัดเหตุผล ผมก็เลยเกิดไอเดียว่าเราจะพิมพ์การ์ดเองเลย
โดยเริ่มจากการหาข้อมูลเรื่องกระดาษที่เราจะพิมพ์ เปรียบเทียบราคากับร้าน สืบราคาเครื่องพิมพ์ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆถ้าหากว่าเราจะพิมพ์เองต้องใช้อะไรบ้าง สรุปออกมาว่าจะพิมพ์เอง และสิ่งที่ต้องมี (ของมันต้องมี) คือ เครื่องพิม์ , กระดาษ และ เครื่องตัดกระดาษ ส่วนซองนั้นเราค่อยแยกหาทีหลัง

เปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจ

ก่อนที่เราจะตัดสินใจลงทุนซื้อก็ใช้เวลาคิดอยู่สักพักใหญ่ๆ อันดับแรกเปรียบเทียบราคากันก่อนว่าต่างกันเยอะไหม แบบไหนถูกกว่า

เปรียบเทียบราคา พิมพ์การ์ดเอง กับจ้างพิมพ์
เปรียบเทียบราคา พิมพ์การ์ดเอง กับจ้างพิมพ์

ในเรื่องของราคา ด้วยประเภทงานพิมพ์ที่ใกล้เคียงกัน เราจ้างพิมพ์นั้นก็จะถูกกว่าแน่นอน อันนี้ก็แล้วแต่ว่าเราจะหาร้านได้ถูกไหม ผมได้ราคากลางๆมาจากร้านที่เคยใช้งานเป็นประจำแต่สั่งพิมพ์อย่างอื่น คำนวณราคาออกมาก็ห่างกันเกือบพันเลย ซึ่งจ้างพิมพ์ถูกกว่า

ข้อดีของการจ้างพิมพ์

  • ราคาถูกกว่าพิมพ์เอง ไม่ต้องทำอะไรเองมาก ออกแบบแล้วส่งให้ร้านพิมพ์ได้เลย

ข้อเสียของการจ้างพิมพ์

  • ใช้เวลาระดับนึง กว่าจะส่งงานไปพิมพ์ เราต้องคอยเช็ค ตรวจงาน
  • ถ้าพิมพ์ออกมาแล้วเกิดข้อผิดพลาด หรือมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด เราจะต้องจ่ายเพิ่มเป็นเท่าตัว
  • ไม่สามารถพิมพ์หน้าซองได้ ถ้าต้องการพิมพ์หน้าซองเราต้องไปจ้างร้านพิมพ์ต่างหาก เสียเวลาเพิ่ม เสียเงินเพิ่ม

ข้อดีของการพิมพ์เอง

  • เราได้เห็นงานพิมพ์ทันที ที่งานออกมาจากเครื่อง ได้ตรวจสี ตรวจรายละเอียด
  • ลงทุนซื้ออุปกรณ์ หลังเสร็จงานนี้เราก็ยังเหลืออุปกรณ์ไว้ใช้งานอื่นๆต่อไปได้ เช่น เครื่องพิมพ์ , กระดาษ และเครื่องตัดกระดาษ
  • สามารถทยอยพิมพ์งานออกมาตามจำนวนที่เราต้องการ ไม่ต้องพิมพ์เผื่อซึ่งสิ่งที่เราเผื่อมาต้องทิ้งไปทั้งหมด
  • พิมพ์หน้าซอง ออกแบบให้สวยงามได้ เพราะเรามีเครื่องเองแล้ว
  • ได้ความภูมิใจ เพราะการ์ดทุกใบเราทำเอง สวยไม่สวยเป็นอีกเรื่องนึง 555

ข้อเสียของการพิมพ์เอง

  • เหนื่อยแน่นอน เพราะเราต้องพิมพ์ ตัด ทำอะไรเองหมด
  • ใช้งบเยอะกว่าจ้างทำอยู่พอสมควร

ผมเขียนข้อดีข้อเสียเอาไว้ เผื่อหลายๆคนมาอ่าน นอกจากจะได้เห็นรีวิวแล้วยังได้ข้อมูลดีๆเอาไปประกอบการตัดสินใจว่าจะทำยังไงอีกด้วยนะเออ
และจากที่ผมตัดสินใจแล้วว่าเราจะพิมพ์กันเอง ก็เลยทำการสืบค้นราคา งานที่เราต้องการคือ พิมพ์ใส่กระดาษอาร์ตด้านแบบสองหน้า เพราะอ่านรีวิวแล้วเขาบอกว่างานจะออกมาพรีเมี่ยมว่างั้น ซึ่งเครื่องพิมพ์ที่จะพิมพ์ใส่กระดาษแบบนี้ได้ก็ต้องเป็นเลเซอร์สี

สั่งเครื่องปริ้นเลเซอร์สีจาก Lazada

และสิ่งที่ได้มาก็คือเจ้าตัวนี้เลยครับ เท่าที่ผมนั่งดูมาครึ่งค่อนวัน ด้วยราคา 5,000 บาท เจ้าตัวนี้นับว่าตอบโจทย์ สามารถพิมพ์ผ่าน WiFi ได้พร้อม

Samsung Laser Color Printer SL-C430W
Samsung Laser Color Printer SL-C430W

ซื้อที่ตัดกระดาษจาก Shopee

กระจายรายได้สักหน่อย หลังจากที่เทียบราคาแล้วพบว่าที่ Shopee ถูกกว่าก็เลยจัดที่ตัดกระดาษมาจากเว็บ Shopee หมดไป 250 บาท

เครื่องตัดกระดาษ
เครื่องตัดกระดาษ

กระดาษอาร์ตมันซื้อจาก lnwshop

ส่วนงานกระดาษอาร์ตด้านนั้นไปจบที่ lnwshop มีหลากหลายให้เลือก จัดแบบที่หนาที่สุดมา (250 แกรม) เกือบจะปริ้นไม่ได้เพราะมันติด เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังครับว่ามันเป็นยังไง

กระดาษอาร์ตด้าน 2 หน้า
กระดาษอาร์ตด้าน 2 หน้า

เริ่มทำการปริ้นการ์ดแต่งงานเอง

หลังจากที่ของสามอย่างนี้มาถึงภายในสองวันหลังจากที่กดสั่งออนไลน์ สั่งไปสามเว็บ แต่ตอนที่พนักงาน Kerry มาส่งนั้นตรงเวลามากๆ มาพร้อมกันเลย รวดเร็วมากๆครับ ทำการติดตั้งเครื่องพิมพ์เย็นนี้เลยครับ

ติดตั้งเครื่องปรินท์เตอร์
ติดตั้งเครื่องปรินท์เตอร์

ปัญหาแรก กระดาษติดเพราะหนาเกินไป

หลังจากที่ติดตั้งเครื่องปริ้นเตอร์เรียบร้อยแล้ว ลองสั่งพิมพ์แผ่นแรกก็มีปัญหาเลยครับ พบว่ากระดาษที่เราเลือกแบบหนาที่สุด เพื่อหวังว่าจะให้มันออกมาดูพรีเมี่ยม มันดันติด พิมพ์ไม่ได้ซะงั้น

[รูปกระดาษที่ปริ้นเสีย]

เลยลองหาข้อมูลดูและเปิดอ่านคู่มือว่ามันจะแก้ปัญหาได้ยังไง ซึ่งผมก็เพิ่มรู้เหมือนกันว่าเราสามารถตั้งค่าความหนาของกระดาษ และเลือกประเถทของกระดาษได้ ก็เลยจัดการลองตั้งค่าและบันทึกเอาไว้ใช้งาน
กระดาษที่ผมสั่งมาหนา 250 แกรม แต่เครื่องพิมพ์มีให้ตั้งสุดสุดแค่ 220 แกรม และเลือกประเภทกระดาษเป็น Matte ต้องมาลุ้นกันแล้วหละว่าจะรอดไหม

พิมพ์การ์ดแผ่นแรก

การ์ดที่เราออกแบบเอง และ พิมพ์เองแผ่นแรกออกมาแล้วครับ ปรากฏว่าสีมันเพี้ยนๆนิดนึง งานงอกไหมหละทีนี้ นั่งงงอยู่แปบนึง เลยคิดว่ามันน่าจะเป็นเพราะว่าเครื่องพิมพ์เราเพิ่งเปิดใช้งาน สีมันก็เลยไม่สม่ำเสมอ เลยลองถอดโทนเนอร์ออกมาเขย่าๆ เพื่อให้สีมันเข้ากันอีกรอบนึง แล้วลองพิมพ์ออกมา ปรากฏว่ามันก็พอไปวัดไปวาได้ จะให้สวยสีแจ่มๆร้อยเปอร์เซ้นเหมือนออกจากโรงพิมพ์ก็คงไม่ได้ อ้าวเริ่มลุยกันเลย

เริ่มปริ้นการ์ดแต่งงานเอง
เริ่มปริ้นการ์ดแต่งงานเอง

หลังจากที่ทำการปริ้นออกมาแล้ว เนื่องจากขนาดกระดาษของเราปริ้นชิ้นงานบน A4 จึงต้องทำการตัดด้วยเครื่องตัดกระดาษ เริ่มตัดกันเลยครับ

ตัดการ์ดด้วยเครื่องตัดกระดาษ
ตัดการ์ดด้วยเครื่องตัดกระดาษ

ระหว่างที่เราทำการปริ้นการ์ดออกมานี้ยังไม่ได้ซองใส่เลยครับ ตอนแรกเล็งการ์ดสี่เงินในเว็บร้านค้าออนไลน์ไว้ แต่ว่ายังไม่ได้โอนเงินจ่าย เลยปรึกษากันว่าเราลองไปเดินดูซองตามร้านแถวนี้ดูก่อนไหม เผื่อจะเจอที่ถูกใจและราคาถูกกว่า ร้านแรกที่เราไปคือร้านถ่ายรูป ปรากฏว่ามีซองขนาดที่ใส่กับการ์ดของเราได้ แต่ว่ามันยังไม่ค่อยถูกใจสักเท่าไหร่ เลยคุยกันว่าเราลองไปเดินดูที่ Makro กัน ก็เลยไปเจอซองสีน้ำตาลมา ราคาไม่แพง แต่ว่ามันดูน่ารักดี

ซองสีน้ำตาล
ซองสีน้ำตาล

ก็เลยจัดมาแพ็คนึง เอามาลองก่อนว่ามันจะเข้ากันไหม