“น้ำมันปลา” เป็นหนึ่งในอาหารเสริมสุขภาพที่หลายคนหามารับประทาน แต่เชื่อว่ายังคงมีคนอีกมากมายที่ไม่แน่ใจว่าคุณประโยชน์ที่แท้จริงของน้ำมันปลานั้นคืออะไร? และใครบ้างที่ควรรับประทาน
เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เราจะพาคุณไปรู้จักเกี่ยวกับน้ำมันปลากันแบบเจาะลึกถึงคุณประโยชน์? ความจำเป็นต่อร่างกาย รวมถึงไขข้อข้องใจว่าใครบ้างที่ควรรับประทานน้ำมันปลา ใครที่อยากรู้ตามไปดูได้จากบทความของเรากันเลย
น้ำมันปลา คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร?
ต้องบอกก่อนว่า จริง ๆ แล้วน้ำมันปลา เป็นคนละอย่างกับน้ำมันตับปลา ซึ่งเป็นอาหารเสริมที่เรานิยมกินกัน ที่เรียกกันอย่างนั้น เพราะว่าน้ำมันชนิดนี้สกัดมาจากตับของปลาจริง ๆ นั่นเอง
ส่วนน้ำมันปลานั้น เป็นน้ำมันที่สกัดจากส่วนหนัง เนื้อ และหัวของปลาทะเล ซึ่งจะอุดมไปด้วยกรดไขมันอีกหลากหลายชนิด ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายไม่แพ้น้ำมันตับปลา โดยเราจะขอกล่าวถึงคุณประโยชน์ของน้ำมันตับปลากันก่อนดีกว่า
อ่านมาถึงตรงนี้อาจมีบางคนเริ่มสงสัยแล้วว่า แล้วน้ำมันจากตับปลามีประโยชน์อย่างไร? ทำไมถึงต้องสกัดมารับประทาน ต้องขออธิบายให้ฟังว่า น้ำมันจากตับปลานั้น เป็นแหล่งของวิตามินเอและวิตามินดี ซึ่งมีประโยชน์และมีความจำเป็นต่อสุขภาพร่างกายของคนเรา
- วิตามินเอ มีส่วนช่วยในการสร้างเยื่อบุต่าง ๆ ในร่างกายให้สมบูรณ์และเป็นปกติ รวมถึงมีส่วนในการเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย ที่สำคัญคือมีส่วนช่วยในการมองเห็นในที่มืดและที่มีแสงสลัว
- วิตามินดี มีส่วนช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส และยังมีบทบาทสำคัญในการทำงานของอวัยวะภายในต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงมีความจำเป็นต่อกลไกการสร้างกระดูกให้สามารถเป็นไปอย่างปกติและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ส่วนน้ำมันปลา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปลาทะเลที่มีขนาดใหญ่ ได้แก่ ปลาค็อด มีส่วนประกอบของกรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega 3) ที่จำเป็นต่อร่างกาย และยังมีสรรพคุณในการบำรุงรักษาร่างกายอีกมากมาย ดังนี้
- มีประสิทธิภาพในการช่วยลดอาการหลอดเลือดตีบได้ โดยการช่วยทำให้ระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดต่ำลง
- มีประสิทธิภาพในการช่วยลดปริมาณไขมันพอกตับ
- ช่วยในการรักษาระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ อาจช่วยโรคตับ และโรคเรื้อรังอื่น ๆ
- ช่วยในการบำรุงสมอง ลดโอกาสในการเป็นโรคความจำเสื่อม ซึมเศร้า และโรคผิดปกติทางจิตใจ
สามารถรับประทานได้ทุกวัน ในปริมาณ 3-5 กรัมต่อวัน จะดีที่สุดหากรับประทานร่วมกับอาหารครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อให้ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน และประโยชน์สูงสุดต่อร่างกายของเรานั่นเอง