หลังจากที่ได้มาทำงานร่วมกับทาง ดีบุญ ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง เอเจนซี่ สายดาด้า ผมได้รับคำถามว่า ตรงไหนที่เป็นจุดสนุกของเรา ในการทำงาน จริงๆแล้วมันก็เป็นคำถามที่ผมถามตัวเองอยู่เหมือนกัน วันนี้ก็เลยถือโอกาสเอามาเขียนบันทึกไว้เป็นไดอารี่ในหัวข้อ ทำงานให้สนุก ปลุกพลังความสำเร็จ
อะไรคือความสนุกในการทำงานของเรา?
ความสนุกในการทำงานมันวัดได้ยาก เพราะเกณฑ์การวัดของแต่ละคนนั้นมันไม่เหมือนกัน มันเป็นเรื่องของความรู้สึกล้วนๆ
สำหรับผมแล้วไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ได้ ที่เนื้องานมีอะไรใหม่ๆให้เราได้เรียนรู้ ทำให้เกิดความท้าทาย ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆ โปรแกรมมิง ข้อมูล พวกนี้ผมก็จะชอบเป็นพิเศษ ถึงแม้จะไม่ได้เก่งเลยก็ตามเถอะ
การมีทีมงาน เพื่อนร่วมงานที่ดีก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ ของผมนับว่าโชคดีที่เจอแต่ทีมงานที่ดี เข้าใจกัน ยิ่งเพิ่มความสนุกของการทำงานยิ่งขึ้นไปอีก ปัจจุบันที่ผมกำลังเขียนบทความนี้ ผมทำอยู่ที่ Western Digital ซึ่งเป็นองค์กรใหญ่ งานมีความท้าทาย ได้รับมอบหมายให้ดูแลหลายๆโปรเจกต์ที่มีความสำคัญต่อองกร ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้ติดต่อสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานทั้งในบริษัทเดียวกันและจากต่างบริษัททั่วโลก จึงทำให้เกิดการพัฒนาหลายๆอย่างทั้งด้านความคิดความอ่าน ทัศนคติในการทำงาน ภาษาในการสื่อสาร ยิ่งช่วงตอนที่ผมมีโอกาสได้ไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นไปเห็นวัฒนธรรมการทำงานของเขาแล้วทำรู้ว่าทำไมบ้านเขาถึงพัฒนา ทำไมคนเขาถึงมีคุณภาพ คนญี่ปุ่นเขาตั้งใจและทุ่มเทกับการทำงานมาก แต่บางทีก็มากจนเกินไปจนไม่มีเวิร์คไลฟ์บาลานซ์ (Work Life Balance) ที่ผมจะพูดในย่อหน้าต่อไป
ทำงานแบบคนรุ่นใหม่ ทำงานให้สนุก มี Work Life Balance
Work Life Balance คือ การทำงานและการใช้ชิวิตอย่างสมดุล เป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่หลายๆคนมุ่งมองหา เวลาทำงาน เวลาครอบครัว เวลาใช้ชิวิตส่วนตัว เหล่านี้ เราจะต้องหาจุดสมดุลของมันให้ได้ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับคนที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำและมีภาระค่าใช้จ่าย หลายๆคนต้องเดินทางห่างบ้านห่างครอบครัว ตัวอย่างก็คือผมเองนี่แหละ เป็นเด็กบ้านนอกที่หอบความหวังเข้ามาทำงานต่างจังหวัดระยะทางมากกว่าห้าร้อยกิโลจะกลับบ้านทีก็ใช้เวลาพอสมควร ทำให้เสียสมดุลตรงนี้ไป แต่ยังดีหน่อยที่ทุกวันนี้มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย อยากเจอหน้าแฟน อยากเจอหน้าพอแม่เราก็วิดีโอคอลหาได้เลย
แล้วเพื่อนๆละ ลองพิจารณาที่ตัวเองว่าตอนนี้เรามี Work Life Balance แล้วหรือยัง ขาดตรงไหน เกินตรงไหน เราจะหาวิธีเติมส่วนที่ขาดไปได้อย่างไรบ้าง อย่าลืมฝากไปคิดแล้วก็มาเล่าให้กันฟังบ้างเด้อ
หาเป้าหมายในชีวิตการทำงาน
เมื่อถามว่าอะไรคือสิ่งที่คุณประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต หลายคนก็อาจจะตอบเกี่ยวกับความภาคภูมิใจในการทำงาน การได้เลื่อนตำแหน่ง รวมไปถึงได้เงินเดือนเยอะๆ อันนี้เป็นคำตอบ เอาไว้ตอบคนสัมภาษณ์งานก็ได้นะ ฮ่า ๆ ๆ
เอาเข้าจริงๆ เป้าหมายในชีวิตการทำงานของแต่ละคนนั้นมันคืออะไรแน่ เป็นเรื่องที่ตอบยากเหมือนกันเนาะ สำหรับผมคิดว่าไม่ใช่แค่เรื่องเงินหรือตำแหน่งหน้าที่อย่างเดียว จริงอยู่ว่าที่เราทำๆก็เพื่อเงินไม่ใช่หรือ ถ้าย้อนกลับที่อ่านที่ย่อหน้าก่อนนี้อย่าลืมเรื่อง Work Life Balance ด้วย ผมจึงคิดว่าเราลองยอมลดเงินที่เราได้รับจากงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้ แลกกับการได้ไปอยู่ใกล้ๆบ้าน ใกล้ๆพ่อแม่ ใช้ชีวิตเรียบง่าย หาอะไรทำเพิ่มเติมที่เป็นกิจกรรมเพื่อสังคม เอาความรู้ที่เราพอมี(บ้าง)ไปช่วยพัฒนาชุมชน ท้องถิ่นของเรา นี่เป็นสิ่งที่คิดและอยากทำอยู่ตลอด แต่งานที่จะมาตอบโจทย์เราได้แบบนี้มันก็ค่อนข้างที่จะหายากอยู่เหมือนกันเนอะ
ที่ผมคิดแบบนี้ก็เพราะว่า เอาเข้าจริงๆเมื่อเราเริ่มแก่ตัว ก็ต้องกลับมาอยู่ที่บ้าน ยิ่งเราเป็นเด็กบ้านนอกที่โตบโตมาแบบเด็กอีสานที่มีวัฒนธรรมและสังคมที่ใกล้ชิดกัน ยังไงก็ต้องกลับเพราะมันคือบ้านของเรา เมื่อเรารู้อย่างงี้แล้วและพอที่จะตั้งหลักตั้งตัวได้แล้ว หลังจากที่ออกจากบ้านมาทำงานได้สักพัก จึงเริ่มมองหางานอะไรที่มันจะตอบโจทย์เป้าหมายการทำงานและ Work Life Balance ของเรา
ทำงานให้สนุก ทำงานที่ตัวเองชอบ
ถ้าเราอ่านมาถึงตรงนี้และรวมทั้งสามย่อหน้า แล้วมาหากันว่าอะไรหละคืองานที่เราทำแล้วสนุก ตอบโจทย์ Work Life Balance และ ทำให้เราไปถึงเป้าหมายในชีวิตได้ งานที่ผมคิดไว้คืองานทางด้านเว็บไซต์นี่แหละมันจะตอบโจทย์ของเราได้ทุกอย่างเลย ผมจึงเริ่มก่อตั้งเว็บไซต์อีสานร้อยแปดดอทคอมขึ้นมา สร้างทีมเล็กๆกับเพื่อนที่มีแนวความคิดเดียวกัน คิดเอาไว้ว่าเวลาที่เราแก่กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านนอก ตอนเช้ามาทำคอนเทนต์ด้วยการหาข้อมูลจากแถวๆบ้านนี่แหละ เราคนท้องถิ่นรู้จักคนเยอะอยู่แล้ว สร้างคอนเนคชันเพิ่ม สร้างสังคม สร้างกลุ่มขึ้นมา ใช้เว็บไซต์เป็นสื่อกลางในชุมชน ได้สร้างประโยชน์ให้กับท้องถิ่น ใช้ความรู้ที่เรามีพัฒนาชุมชน มันน่าจะเป็นอะไรที่มีความสุขมากๆ
นอกจากอีสานร้อยแปดที่ผมก่อตั้งนั้นแล้ว ก่อนหน้าผมก็มีบล็อกเก่านะที่เขียนมานานตั้งแต่ปี 2009 จนย้ายมาเป็นที่นี่ สังเกตว่าตัวเองไม่เคยเบื่อเลยกับการทำงานแบบนี้ จะว่าเป็นโปรแกรมเมอร์ก็ได้เพราะได้พัฒนาธีม ปลั๊กอิน รวมถึงคอร์ของเวิร์ดเพรส ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่าง จะว่าผมเป็นบล็อกเกอร์ก็ได้ เพราะได้เขียนบทความ ได้แชร์วิธีการแก้ปัญหาต่างๆที่ตัวผมเองเจอมา แค่เอามาจดๆ โพสต์ลงบล็อก
จะว่าเป็นยูทูปเบอร์ก็ว่าได้อีกแหละ เพราะว่างๆ ได้ทำคลิปสอน (ส่วนมากมีแต่คลิปบ้าๆบอๆ ฮ่า ๆ ๆ ) หรือจะว่าตัวเองเป็นนักการตลาด อันนี้ก็ว่าได้ไม่เต็มเท่าไหร่ เพราะการตลาดของเราที่เราทำคือทำ SEO เน้นให้ความรู้ผ่านบล็อก พอสิ่งที่เราเผยแพร่มันมีประโยชน์ คนก็เข้ามาอ่านมาแชร์เองแหละ
และเมื่อเร็วๆนี้ในส่วนของงานทางด้านเว็บไซต์ที่ผมได้เกริ่นไปแล้วแหละตั้งแต่ในย่อหน้าแรก ที่ผมได้มีโอกาสได้มาร่วมงานกับ ดีบุญ ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ตอบโจทย์ผมมากๆ เพราะว่าเราสามารถนั่งทำงานที่ไหนก็ได้ เนื้องานก็เป็นสิ่งที่เราชอบอยู่แล้ว ทั้งมีงานเขียนโปรแกรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเวิร์สเพรสที่ผมเองก็คุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี มีงานดูแลเซิร์ฟเวอร์ ที่เอาเข้าจริงๆผมก็ยังไม่ได้เก่งมากอะไร แต่มันก็เป็นความท้าทายที่เราจะได้เรียนรู้และลองทำสิ่งใหม่ๆ
งานทางด้านการตลาด การทำ SEO ที่มีทีมงานที่เชี่ยวชาญ เป็นทีมที่มีขนาดเล็ก จึงโดดเด่นในเรื่องของการปรับตัวและความยืดหยุ่นของทีม ที่จะก้าวต่อไปได้ในทุกสถานการณ์
จากเนื้องานที่ได้เล่าให้ฟังคร่าวๆ บล็อกแห่งนี้ของผมก็เลยคิดว่าจะเอาประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมานาน ไม่ได้จัดให้เป็นระเบียบ ผมทำการเปลี่ยนแท็กไลน์ของบล็อกใหม่เป็น วิศวกรสอน WordPress ไปเลย ก็เพื่อจะได้ชัดเจนมากขึ้น รวบรวมบทความที่เราเขียนเอาไว้ มาจัดระเบียบ เอาจริงเอาจัง ให้เพื่อนๆ หรือ ธุรกิจใหม่ๆที่ตอนนี้เริ่มตื่นตัวหันมาทำการตลาดทางด้านออนไลน์มากยิ่งขึ้น และสิ่งที่จำเป็นต้องมีก็คือเว็บไซต์นั่นเอง
บทความนี้อาจจะเน้นไปทางแชร์แนวคิดมากกว่าสอน WordPress นะ ฮ่า ๆ ๆ ก็ต้องขออภัยไว้ด้วย อุตส่าห์เปลี่ยนแท็กไลน์แล้ว แต่ไม่เป็นไร เมื่อเราได้แนวคิดแล้ว ก็อยู่ที่การเริ่มลงมือทำ งานประจำที่เราทำๆอยู่ บางคนก็บอกว่าเราเลือกไม่ได้ ถ้าอย่างงั้นละก็ เรามาลองหาวิธีคิด หามุมมอง หาเป้าหมาย หาข้อดีของมันให้ได้ จากนั้นจากงานที่น่าเบื่อ เดี๋ยวมันก็จะกลายมาเป็นงานที่เราทำแล้วสนุก ทำแล้วมีความสุข และประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่เราได้วางไว้