สำหรับผู้ขับขี่ คงไม่มีอะไรน่ากังวลใจไปกว่าการเกิดเหตุไม่คาดฝันบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นการเฉี่ยวชน ทรัพย์สินเสียหาย หรือร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียชีวิต เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งด้านทรัพย์สินและจิตใจ
จะดีกว่าไหมถ้าในทุก ๆ ไมล์ของคุณ จะมีผู้ช่วยคอยคุ้มครองให้อุ่นใจ นั่นคือ “ประกันรถยนต์” หลายคนอาจมองข้ามประกันชั้น 2 ไป ด้วยความคิดที่ว่าประกันชั้น 1 ย่อมให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมกว่า แต่รู้หรือไม่ว่า ประกันชั้น 2 นั้นคุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานของผู้ขับขี่หลาย ๆ คน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกัน
บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับประกันรถยนต์ชั้น 2 พร้อมให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกประกันที่เหมาะสมกับคุณ!
รู้จักกับประกันชั้น 2 ทางเลือกสุดคุ้มสำหรับผู้ขับขี่
สำหรับประกันรถยนต์ชั้นที่ 2 ถือเป็นหนึ่งในประเภทประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ที่มอบความคุ้มครองให้ทั้งในกรณีรถสูญหาย ไฟไหม้ และความเสียหายต่อรถคู่กรณี เรียกได้ว่าก็ครอบคลุมได้ประมาณหนึ่งที่มากพอจะทำให้คุณไม่ต้องสำรองจ่ายจนเข้าเนื้อ
ความแตกต่างระหว่างประกันชั้น 1 และประกันชั้น 2
- ประกันชั้น 1 คุ้มครองความเสียหายต่อรถของผู้เอาประกันภัย (ชั้น 1)
- ประกันชั้น 2 ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อรถของผู้เอาประกันภัย (ชั้น 1)
อย่างไรก็ตามในความต่างก็ยังมีความเหมือนของประกันทั้ง 2 ประเภท นั้นคือการมอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมในสิ่งที่เรียกว่าอุบัติเหตุได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น
- คุ้มครองกรณีรถสูญหาย ไฟไหม้
- คุ้มครองความเสียหายต่อรถคู่กรณี
- คุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล
- คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล
ประกันรถยนต์ชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง?
- ความเสียหายต่อรถคู่กรณี คุ้มครองค่าซ่อมแซมรถคู่กรณี กรณีเกิดอุบัติเหตุ
- รถสูญหาย ไฟไหม้ คุ้มครองกรณีรถสูญหาย ไฟไหม้
- ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก คุ้มครองค่าเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และบุคคลภายนอก
- คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล คุ้มครองค่าเสียหาย กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ
รวมข้อดีของประกันชั้น 2 ที่จะทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
- เบี้ยประกันราคาประหยัด เมื่อเทียบกับประกันชั้น 1
- คุ้มครองความรับผิดหลัก ที่จำเป็น
- เหมาะกับผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์
- เหมาะกับรถที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป
- มีตัวเลือกความคุ้มครองเพิ่มเติม
โดยประกันรถยนต์ชั้นที่ 2 จะเหมาะสำหรับผู้ที่ขับขี่มานาน รถมีอายุ 3 ปีขึ้นไป มีประสบการณ์ค่อนข้างมาก ทำให้มั่นใจได้ว่าจะขับขี่ปลอดภัย อีกประการคือรถไม่ค่อยมีประวัติการเคลม ซึ่งถ้ารู้ตัวว่าจัดอยู่ในกลุ่มนี้ก็สามารถทำประกันแผนดังกล่าวได้อย่างเบาใจ
และในอีกกรณีหนึ่งก็คือ ผู้ที่ต้องการความคุ้มครองแต่ไม่พร้อมเสียค่าเบี้ยสูง แผนประกันรถยนต์ชั้น 2 ก็เรียกได้ว่าตอบโจทย์ เพราะอย่างที่เห็นว่าจะมาพร้อมกับความคุ้มครองหลัก ๆ เกือบทั้งสิ้น เรียกได้ว่าก็ยังปลอดถัยอุ่นใจได้อยู่